วันก่อนดิฉันได้มีโอกาสไปร่วมงานแต่งงานของเพื่อนคนนึง หลังจากที่พักหลังๆไม่ค่อยได้ไปงานแต่งงานซะนาน รู้สึกได้เลยว่า งานแต่งงานของประเทศไทยกับประเทศญี่ปุ่น มีความแตกต่างกันอยู่มาก คุณผู้อ่านมีใครเคยเข้าร่วมงานแต่งงานแบบญี่ปุ่นบ้างไหมคะ? อย่างเวลาที่เราไปงานแต่งงาน แม้จะเป็นงานในแบบของประเทศตัวเอง เราก็ไม่แน่ใจใช่ไหมล่ะคะ ว่า “แบบนี้โอเคแล้วหรือยังนะ...” แล้วถ้าเป็นงานแต่งงานแบบประเทศอื่นๆล่ะคะ ไม่ยิ่งน่ากังวลใจเข้าไปใหญ่หรอคะ ดังนั้นวันนี้ดิฉันเลยอยากมาเล่าเรื่องเกี่ยวกับงานแต่งงานแบบญี่ปุ่น ให้ทุกท่านได้อ่านกันค่ะ ช่วงเวลาแต่งงานสุดฮิตของชาวญี่ปุ่นก็คือ ช่วงฤดูใบไม้ผลิ (เดือนเมษายน - มิถุนายน) และฤดูใบไม้ร่วง (เดือนตุลาคม - พฤศจิกายน) ค่ะ เพราะไม่ร้อนและไม่หนาวจนเกินไป ส่วนมากก็จะจัดงานกันในวันเสาร์ อาทิตย์ หรือวันหยุดราชการ นอกจากนี้ก็ยังมี 「大安 Taian วันมงคล」และ「友引Tomobiki วันดึงมิตรสหาย เป็นวันที่มีความเหมาะสมอย่างยิ่งในการจัดงานทั้งงานมงคลต่างๆ(เช่นงานแต่งงาน)เพราะเป็นการแบ่งปันความสุขไปยังญาติสนิทมิตรสหาย แต่ไม่ควรจัดงานอวมงคล(เช่นงานศพ)เพราะเป็นการพากันไปสู่สิ่งที่ไม่ดี」ที่เหมาะในการจัดงานอีกด้วยค่ะ ด้วยเหตุนี้เอง ในช่วงดังกล่าวค่าใช้จ่ายในการจัดงานก็จะสูงขึ้นมาก อีกทั้งบางสถานที่ๆมีคนนิยมไปจัดมากๆ ก็อาจจะมีการต่อคิวจัดงานกันกว่า 10 งานต่อ 1 วันเลยทีเดียวนะคะ ซึ่งเราก็จะพบเห็นเจ้าสาวแสนสวยหลายต่อหลายคนเลยค่ะ 555 「大安カレンダー」Taian-karendaa ปฏิทินที่ระบุวันมงคล(大安) ในทางกลับกัน ช่วงเวลาที่ไม่ค่อยเป็นที่นิยมในการจัดงานแต่งงานอย่างช่วงฤดูร้อน (เดือนกรกฎาคม - สิงหาคม) และฤดูหนาว (เดือนธันวาคม - กุมภาพันธ์) ก็จะเป็นที่รู้กันว่า ส่วนมากค่าใช้จ่ายในการจัดงานจะถูกลงมาก แล้วที่ประเทศไทยล่ะคะ มีช่วงเวลาสุดฮิตในการแต่งงานหรือเปล่าคะ? อาจจะเลือกวันที่เป็นฤกษ์ดีโดยที่ไม่เกี่ยวกับภูมิอากาศใช่ไหมล่ะคะ ห้องโถงของโรงแรม Westin Tokyo เอาล่ะค่ะ ทีนี้ทุกท่านคิดว่า ค่าใช้จ่ายในการจัดงานแต่งงานและค่างานเลี้ยงรับรองแขกที่ประเทศญี่ปุ่นจะอยู่ที่ประมาณเท่าไหร่คะ? ดูเหมือนว่าค่าใช้จ่ายดังกล่าวที่ประเทศไทยกับประเทศญี่ปุ่นก็ต่างกันมากค่ะ ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับแต่ละภูมิภาค แต่โดยทั่วๆไปถ้ามีผู้ร่วมงานประมาณ 70-80 คน ค่าใช้จ่ายก็จะอยู่ที่ราวๆ 3 ล้านเยน - 3 ล้าน 5 แสนเยนค่ะ (ประมาณ 1 ล้านบาท) ที่เมืองไทยถ้าจัดที่โรงแรมดีๆหน่อยก็คงแพงอยู่ไม่น้อย แต่ทุกคนคิดยังไงกับเรทที่ญี่ปุ่นคะ? แต่อย่างไรก็ตามมี「ご祝儀 Go-shuugi การรับซองงานแต่ง」จากผู้ร่วมงานด้วย ดังนั้น ค่าใช้จ่ายจริงที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวต้องออกก็อาจจะน้อยกว่านี้ค่ะ ซองเงินงานแต่งงานของไทย ซองเงินงานแต่งงานของญี่ปุ่น สำหรับซองเงินงานแต่งนั้น โดยทั่วไปถ้าเป็นงานของเพื่อนทั่วไปก็จะอยู่ที่ 3 หมื่นเยน (ประมาณ 1 หมื่นบาท) แต่บ้างก็ว่าเลข 3 เป็นเลขคี่ หมายถึง การไม่มีคู่ (ซึ่งอาจจะเป็นลางไม่ดีว่าจะต้องแยกกัน) บ้างก็ว่าเลข 2 ก็สื่อลางไม่ดีเช่นกัน แต่อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันการใส่ซอง 2 หมื่นเยนก็เป็นที่ยอมรับมากขึ้น เพราะบ้างก็เชื่อว่า 2 เท่ากับ คู่สามีภรรยา / คู่กัน ที่ประเทศไทยนิยมใช้ซองจากการ์ดเชิญใส่เงินกัน แต่ที่ญี่ปุ่นแขกต้องเตรียมซองไปเองนะคะ ถ้าทุกคนได้รับเชิญไปงานแต่งที่ประเทศญี่ปุ่น ก็อย่าลืมเตรียมหาซองด้วยนะคะ ในกรณีที่จะใส่เงิน 2 หมื่นเยน ก็แนะนำว่าให้ใส่ธนบัตรใบละหมื่น 1 ใบ และธนบัตรใบละ 5 พัน 2 ใบค่ะ ให้จำนวนธนบัตรเป็นเลขคี่ไว้ก่อน เป็นอันดีค่ะ ※ ว่ากันว่าในบางภูมิภาคอย่างฮอกไกโดหรือตะวันออกเฉียงเหนือจะทำเป็นระบบค่าเข้างาน ไม่ได้ใช้แบบซองงานแต่งก็มีนะคะ อนึ่ง ซองของประเทศญี่ปุ่นจะมีการประดับตกแต่งด้วยเชือกที่เรียกว่า「水引Mizuhiki 」ซึ่งสามารถแบ่งกว้างๆได้ 2 ชนิด คือ การผูกแบบ「結びきりMusubikiri」เหมาะสำหรับงานแต่งงาน การผูกแบบ「蝶結び Choo musubi」เหมาะสำหรับงานอวยพรทั่วไป สำหรับงานแต่งงานนั้น ให้เลือกใช้แบบที่ผูกแล้วคลายไม่ได้อย่าง「結びきりMusubikiri จะสื่อความหมายว่าผูกพันธ์กันแล้วก็จะไม่แยกจากกัน」 ส่วนการผูกอีกแบบ คือ「蝶結び Choo musubiคลายง่ายผูกง่ายจะสื่อความหมายว่าอาจทำให้เกิดซ้ำเป็นครั้งที่สอง」 ไม่เหมาะกับงานแต่งงาน สำหรับซองเหล่านี้ก็มีหลายแบบ ตั้งแต่แบบที่ดูเรียบง่าย ไปจนถึงแบบที่หรูหราอลังการ อย่างไรก็ตามควรจะเลือกแบบให้เหมาะสมกับจำนวนเงินที่ใส่ด้วยนะคะ ภายในซองเงินประกอบด้วย (ด้านซ้าย)เป็นซองด้านใน ด้านหน้าให้เขียนชื่อและจำนวนเงิน เมื่อใส่เงินแล้วนำไปใส่ซองสวย(ตรงกลาง)จากนั้น ซองสวย ตรงกลางด้านล่างให้เขียนชื่อผู้ส่งตรงแถบคาดกระดาษ ส่วน(ด้านขวา) คือ แถบกระดาษรัดซองสำรอง 「神前式 Shinzen shiki การแต่งงานแบบชินโต」 「教会式 Kyookai shiki การแต่งงานแบบคริสต์」 「人前式 Jinzen shiki การแต่งงานแบบต่อหน้าเครือญาติเพื่อนๆ」 พิธีกรรมในการจัดงานก็มีหลายรูปแบบนะคะ ทั้งแบบชินโต แบบเข้าโบสถ์ และการแต่งงานแบบต่อหน้าเครือญาติเพื่อนๆ ลักษณะพิเศษอีกอย่างของการจัดงานแต่งงานที่ประเทศญี่ปุ่นก็คือ เราสามารถเลือกได้ตามใจว่าอยากจัดแบบไหนโดยไม่ต้องคำนึงถึงศาสนาค่ะ การแต่งงานแบบชินโต ได้รับอิทธิพลจากศาสนาชินโต ส่วนใหญ่จะจัดขึ้นที่ศาลเจ้า (นอกจากนี้ยังมีโรงแรมที่มีห้องโถงงานแบบชินโตไว้สำหรับจัดงานแต่งงาน) ในงานแต่งงานแบบคริสต์ เป็นงานที่เลียนแบบงานแต่งงานของชาวคริสต์จะจัดขึ้นในอาคารแนวคริสตจักรที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อสำหรับงานแต่งงาน (แม้ว่าบางคนจะแต่งงานกันในโบสถ์คริสต์จริงๆ) และการแต่งงานแบบต่อหน้าเครือญาติ คือ แทนที่จะสาบานที่จะแต่งงานกับเทพสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ ก็เป็นการสาบานแต่งงานต่อหน้าพ่อแม่ ผู้ปกครอง และญาติมิตร เพื่อนฝูง จำนวนของชาวคริสต์ในประเทศญี่ปุ่นมีอยู่เพียงประมาณ 1% แต่คนที่ต้องการที่จะแต่งงานในโบสถ์พิธีจำนวนมากและคงจะเป็นความปรารถนาของเจ้าสาวซะส่วนใหญ่ ทางเดินส่งตัวเจ้าสาวของโบสถ์ภายในโรงแรมจินซังโซ ในพิธีกรรมแบบคริสต์นั้น จะมีขั้นตอนหนึ่งที่เรียกว่า การส่งตัวเจ้าสาว คือ เจ้าสาวจะควงแขนคุณพ่อของเธอ และค่อยๆเดินไปตามพรมในโบสถ์เพื่อไปหาเจ้าบ่าว ภาพเหล่านี้ เวลาดิฉันเห็นทีไร ก็อดไม่ได้ที่จะน้ำตาไหลทุกที T . T 「タイの結婚式 Tai no kekkon shiki การแต่งงานแบบไทย」 ส่วนการแต่งงานในแบบไทยๆนั้น ภาพที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวยื่นมือรอให้แขกที่มาร่วมงานรดน้ำสังข์ ช่างเป็นภาพที่งดงาม และทำให้ดิฉันรู้สึกอบอุ่นหัวใจมากเช่นกัน เมื่อเสร็จสิ้นพิธีการ แขกที่มาร่วมงานก็จะลงชื่อและมอบซองเงินที่เตรียมมา จากนั้นก็จะถึงเวลางานปาร์ตี้เฉลิมฉลอง ซึ่งตรงนี้นี่เองที่พบความแตกต่างระหว่างงานปาร์ตี้แบบไทยกับแบบญี่ปุ่น เนื่องจากถ้าเป็นแบบญี่ปุ่นจะมีการกำหนดตายตัวว่างานปาร์ตี้เริ่มกี่โมงเสร็จกี่โมง แต่พอไปงานปาร์ตี้แบบไทย ก็จะเกิดอาการงงๆว่า “เอ...เค้าจะเริ่มกันกี่โมง แล้วจะเสร็จกี่โมงกันนะ...” 5555
สุดท้ายนี้ ก็เป็นเรื่องของการแต่งกายค่ะ เรื่องนี้ต้องระวังอย่างมากเลยนะคะ ทำไมน่ะหรอคะ? ก็เพราะว่าที่ญี่ปุ่นเวลาไปงานแต่งงานเราแต่งชุดสีดำไปได้นั่นเองค่ะ แต่ว่าสีขาวนั้นเป็นสีของเจ้าสาว ไม่ควรใส่ไปแข่ง 555 สรุปว่าควรหลีกเลี่ยงชุดสีขาวนะคะ แต่ที่ประเทศไทยจะใส่ชุดที่มีสีสดใส ส่วนสีขาวสามารถใส่ได้ แต่สีดำเป็นสีต้องห้ามใช่ไหมคะ? มีอยู่ครั้งนึงค่ะ ดิฉันกลับไปร่วมงานแต่งงานของเพื่อนที่ประเทศญี่ปุ่น เห็นผู้หญิงใส่ชุดดำทะมึนมากันเต็มงาน ก็ตกใจมากเลยค่ะ และก็คิดว่า เอ๊ะ! นี่คนญี่ปุ่นเราแต่งดำกันมากขนาดนี้เลยหรอเนี่ย สรุปวันนั้น ดิฉันใส่สีชมพูเข้มไปอยู่คนเดียวค่ะคุณผู้อ่าน 555 เขียนสรุปคร่าวๆออกมาวันนี้ เราก็พบความแตกต่างระหว่างงานแต่งงานของไทยกับญี่ปุ่นหลายอย่างเลยใช่ไหมล่ะคะ? สมมุติถ้ามีโอกาสได้ไปร่วมงานแต่งงานแบบญี่ปุ่นแล้วล่ะก็ อย่างลืมตรวจสอบความถูกต้องจากเพื่อนชาวญี่ปุ่นอีกครั้งนะคะ ในทางกลับกัน ถ้ามีเพื่อนชาวญี่ปุ่นที่จะเข้าร่วมงานแต่งงานแบบไทย ก็อย่าลืมให้คำแนะนำเกี่ยวกับงานแต่งงานแบบไทยที่เป็นประโยชน์แก่พวกเขาด้วยนะคะ รบกวนด้วยนะคะ ^^
ขอบคุณรูปภาพประกอบ http://wedding.rakuten.co.jp/glossary/word/001001001 http://wedding.rakuten.co.jp/market-price/ http://www.kekkon-j.com/manual/syugi/ http://store.shopping.yahoo.co.jp/auro/0101580.html http://zexy.net/mar/manual/kiso_style/ http://hotel-chinzanso-tokyo.jp/wedding/ceremony/chapel.html http://division.dwr.go.th/writc/life/ww/water6.htm http://www.jxhuanet.cn/dongguangjixian.htm http://omotesando.anniversaire.co.jp/chapel_banquet/banquet/353.html http://zexy.net/mar/manual/gift_kiso/chapter2.html http://www.happo-en.com/wedding/index.php#/costumes/soga http://www.westin-tokyo.co.jp/wedding/item/index.html http://www.108gift.com/ http://www.topbridal.co.jp/SHOP/g26063.html http://board.postjung.com/639446.html |